เจดีย์พุทธคยา วัดวังก์วิเวการาม
หลวงพ่ออุตตะมะ สังขละบุรี
เช้านี้ตื่นมาเรายังอิ่มจากเมื่อคืนอยู่เลย ก็เลยไม่ค่อยหิว กับอาหารเช้ามากนัก แต่วันนี้เรามีเวลาไม่มากนัก เพราะบ่าย 2 ต้องไปขึ้นรถทัวร์เพื่อกลับกรุงเทพแล้ว จากการตีซี้พนักงานรีสอร์ท เค้าใจดีมีรถว่างเลยจะพาไป shopping ซื้อของฝากชายแดน และพาไปวัดรอบๆนี้ คือ วัดวังก์วิเวการาม ใหม่ หลวงพ่ออุตตะมะ สังขละบุรี (จริงๆเราไปซื้อของฝากเมื่อวานแล้วแหละ แต่ ง๊องแง๊งอยากได้เรืออีกลำ ไปฝากพี่ที่กรุงเทพเลยต้องไปอีกรอบซะงั้น)
แวะไปวัดก่อนเลย นี่เป็นวัด วัดวังก์วิเวการามใหม่ วัดหลวงพ่ออุตตะมะ จะเห็นเจดีย์สูงๆ เป็นสัญลักษณ์ อันนี้เรียกว่า เจดีย์พุทธคยา ภายในจะมีรูปหุ่นขี้ผึ้งของหลวงพ่ออุตตะมะอยู่ข้างใน
พุทธคยา (บาลี: พุทฺธคยา, อังกฤษ: Bodh Gaya, Mahabodhi Temple, ฮินดี: बोधगया) คือคำเรียกกลุ่มพุทธสถานสำคัญใน อำเภอคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญที่สุด 1 ใน 4 แห่ง ของชาวพุทธ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธสังเวชนียสถานที่มีความสำคัญที่สุดของชาวพุทธทั่วโลก ปัจจุบันบริเวณพุทธศาสนสถาน ของอินเดีย อันเป็นที่ตั้งของสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดมหาโพธิ อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการร่วม พุทธ-ฮินดู พุทธคยา ปัจจุบันตั้งอยู่ด้านตะวันตกของแม่น้ำเนรัญชรา ไกลจากฝั่งแม่น้ำประมาณ 350 เมตร (นับจากพระแท่นวัชรอาสน์) พุทธคยามีสัญลักษณ์ที่สำคัญคือองค์เจดีย์สี่เหลี่ยมที่สูงใหญ่ โดยสูงถึง 51 เมตร ฐานวัดโดยรอบได้ 121.29 เมตร ล้อมรอบด้วยโบราณวัตถุ โบราณสถานสำคัญ
สำหรับชาวพุทธ พุทธคยา นับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญที่สุดของนักแสวงบุญชาวพุทธทั่วโลกที่ต้องการมาสักการะสังเวชนียสถานสำคัญ 1 ใน 4 แห่งของพระพุทธศาสนา โดยในปี พ.ศ. 2545 วัดมหาโพธิ (พุทธคยา) สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม ขององค์การยูเนสโก
เจดีย์พุทธคยา ของไทย เป็นอันจำลอง เพราะหน้าตาเหมือนกันเลย แต่ไม่เหมือนที่ขนาด และของไทยสีทอง จริงๆ ถ่ายรูปมาน้อยไปหน่อยนะ เพราะ จะรีบไปซื้อของทำให้รูป วัดวัดวังก์วิเวการาม น้อยมากเลย แต่พอไปแล้วปรากฎว่า ที่ๆ มาเนี่ย ราคาแพงกว่าร้านที่ไปมาเมื่อวานประมาณ 40-80 บาท ก็เลยไม่ค่อยปลื้ม เท่าไร แต่ง๊องแง๊ะ อยากได้เรือ ก็ซื้อไป 2 ลำในราคาต่อแล้วก็ยังแพงกว่า 10-20 บาท แล้วหลังจาก นั้นก็เค้าพามาส่งที่พัก เพื่อเก็บของ แล้วเค้าก็พาไปส่งที่ท่ารถ ท่ารถดูไม่เป็นท่ารถเลย เหมือนวินมอไซด์ไงก็ไม่รู้
trip นี้จบลงแล้ว สนุกมากมาย แต่เวลากระชับรวดไปนิดหน่อย อยากอยู่ต่ออีกซักวันจัง และเราก็ได้คำตอบเรื่องเสียงที่ได้ยินเมื่ 2 คืน ที่ผ่านมา จากการถามคนที่พาเราไปเที่ยว เค้าบอกว่าอาจจะเป็นเสียงไม้ลั่น เพราะรีสอร์ทเป็นไม้ทั้งหมดเลย แต่พวกเราก็ยืนยันไปนะว่าไม่ได้ใช่เสียงไม้ลั่นแน่นอน เพราะดังเวลาดึกๆ ทุกคืนเลย เค้าก็ทำหน้าแปลกๆ แล้วก็ถามพวกเราว่าอยู่ห้องไหน ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกลัว ถามเค้าว่าที่นี่มีประวัติอะไรหรือเปล่าเค้าก็ไม่ยอมบอก บอกแค่ว่าไม่มีอะไร เออ เน๊อะ แล้วถ้ามีประวัติอะไรจริงๆ ใครเค้าจะมาบอกละค้าาาา คิดกลัวไปเองว่านี้ ติดริมน้ำนี้เคยมีสงครามของพม่าแล้วก็น่ากลัวเหลือเกิน จะมีใครเข้าใจความรู้สึกตอนดึกๆ เงียบๆ แล้วมีเสียงดังขึ้นภายในห้องเหมือนพวกเราละ กว่าจะหลับได้ มันน่ากลัวมากๆๆๆๆ สรุปก็สรุปไม่ได้คาใจแบบกลัวๆต่อไป อ่อสำหรับใครที่จะไปพักที่นี่ไม่ต้องกลัวน้า พวกเราแค่แชร์สิ่งที่เราเจอ พวกเราอาจจะคิดไปเองก็ได้ (หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น)
อ่อ ทริปนี้ต้องขอบคุณพนักงานของรีสอร์ทนี้มากๆ ที่ให้คำแนะนำและพาพวกเราไปเที่ยว พี่เค้าเป็นคนพม่า อัธยาศัยดี พูดไม่ค่อยชัดแต่อยู่ในระดับดีกว่าคนอื่นๆ เค้าบอกว่าเค้าทำงานมาหลายที่ ทั้งในกรุงเทพฯ และที่นี่ อ่อ เค้าได้สัญชาติไทย ได้เรียนภาษาไทยด้วย เวลาคุยเค้าดูเหมือนขอบคุณประเทศไทยที่ทำให้เค้ามีทุกๆอย่างอย่างวันนี้ตลอด เลย พี่เค้าทำงานเก็บเงินส่งให้พี่น้องทางพม่า ดูเป็นคนขยันขันแข็งมาก ก่อนกลับเลยให้ทิปไปนิดหน่อยเป็นสินน้ำใจ ขอบคุณที่พาเราเที่ยวนะคะ ^^ อ่อ พี่เค้าแนะนำว่าถ้ามาเที่ยวสังขละบุรี นอกจากตามที่เราไปๆกันแล้ว เค้าบอกต้องเข้าป่า เที่ยวป่า ถึงจะถึงสังขละ ธรรมชาติสวยมากด้วย ถ้ามีโอกาสไว้จะกลับมาน้า หวังว่ามาครั้งน้าจะมีทีวีและไม่มีเสียงรบกวนอะไรอีกแล้วน้า กลัววววว…..
[mappress mapid=”41″]
เง๊อะง๊ะ รายงาน
ปล. รีวิวนี้คือรีวิวย้อนรอย
- รีวิว พนธ์นที รีสอร์ท สังขละบุรี กาญจนบุรี
- ร่องเรือชมเมืองบาดาล วัดวังก์วิเวการามเก่า สังขละบุรี
- ทำบุญตักบาตรตอนเช้า ณ สะพานไม้มอญ สังขละบุรี
- จาก ห้วยซองกาเลีย ถึง ด่านเจดีย์สามองค์ ชายแดนไทย-พม่า
- น้ำพริกกะเหรี่ยง ผัดผักหวาน เมนูท้องถิ่น ณ พนธ์นทีรีสอร์ท สังขละบุรี
- เจดีย์พุทธคยา วัดวังก์วิเวการาม หลวงพ่ออุตตะมะ สังขละบุรี